Thai Monks ย้ำชัด ! ปาราชิก แน่ๆ
พระสุวิทย์ วัดอ้อน้อย หยุดหัวหมอ
-------------------
พุทธอิสระ อ้างความผิดฐานละเมิดสถานที่ราชการ ไม่ถือเป็นปาราชิก
----อ้างอิงคำพูดพุทธอิสระ---
https://www.facebook.com/issaradhamtv/videos/1630584703927639/
-------------------
จากกรณีที่ “ทนายประสิทธิ์ สันจิตร”ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธพร้อมด้วย “กลุ่มพลังสตรีรักษ์พระพุทธศาสนา” ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกล่าวหา “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” ว่าต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 ให้พ้นจากความเป็นพระต่อเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะผู้ปกครอง
วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2559 เวลา 15.00 น.
ณ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
-------------------
ในการกล่าวโทษนั้น เป็นเฉพาะประเด็นความผิดทางพระวินัย !
เพราะความผิดในทางโลกพุทธอิสระยอมรับไปแล้ว และพุทธอิสระก็กำลังอยู่ระหว่างเสียค่าปรับเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย
ทว่า การออกสื่อ ให้สัมภาษณ์ ของพุทธอิสระในวันเวลาเดียวกันนั้น พุทธอิสระอ้างว่า ตนไม่มีความผิดทางพระวินัย
แต่ Thai monks เห็นท่าไม่ได้การ เพราะ พุทธอิสระ กำลังหลบเลี่ยงความผิดทางพระวินัย ที่ตนได้กระทำไปแล้วจริง
แต่กลับพูดจาบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับผิด หัวรั้น สมดังที่คณะสงฆ์อ้างเอาความหัวดื้อ ไม่รู้สำนึกผิด เป็นเหตุผล ในการร่วมกันประกาศอุกเขปนียกรรม ต่อพุทธอิสระไปในที่สุด ตามที่สื่อต่างๆ เคยนำเสนอไปแล้ว http://rukmeuangtai.blogspot.com/2016/04/blog-post_23.html
-------------------
การบุกยึดสถานที่ราชการ อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินส่วนราชการได้รับความเสียหาย ถ้าดูตามที่เจตนา และ ความพยามของพุทธอิสระ ในคลิป youtube พบว่า การบุกยึดสถานที่ราชการ เป็นการออกคำสั่งโดย พุทธอิสระ ซึ่งเป็นคนพูดเองว่า "เราต้องออกมาช่วยกัน" ปรากฎอยู่ในคลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=3aX5npS1b3c
-------------------
และการกระทำของพุทธอิสระ ที่บุกยึดสถานที่ราชการนั้น ก็กินเวลาหลายเดือน จึงส่อเจตนาอยู่แล้วว่า ต้องการ ยึดสถานที่ราชการจริง
จน ทรัพย์สินในพื้นที่ราชการนั้น ได้รับความเสียหาย ตีราคาเป็นเงินจำนวนมาก
-------------------
ซึ่ง ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว จึงมีคำพิพากษาของศาลแพ่งให้จำเลยที่ 1 คือ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” ให้ต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 2 (พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ) ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ (DSI) เป็นจำนวนเงิน 899,203 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันถัดฟ้อง คือ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 และให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายความแก่โจทก์อีกเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
-------------------
โดยคำสั่งศาล สั่งให้พุทธอิสระ ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นหลักฐานยืนยันที่ชัดแจ้งว่า ว่าทรัพย์สินราชการ ถูกตีราคาว่าเสียหายเกิน 5 มาสก อย่างชัดแจ้ง
-------------------
การบุกยึดสถานที่ราชการของพุทธอิสระในครั้งนั้น แม้โดยพฤติกรรมมิส่อว่าเป็นการลักขโมย โดยการนำไปเสียจากเจ้าของทรัพย์
แต่ทรัพย์สินส่วนราชการ ก็หลุดไปจากความครอบครองของเจ้าของ (คือถูกทำลาย) อาศัยมูลเหตุ ที่ทรัพย์สินถูกทำลายนั้น
การกระทำของพุทธอิสระ ก็ได้ชื่อว่า ทำให้ทรัพย์เคลื่อนจากฐาน
ดังนั้น พุทธอิสระก็ต้องอาบัติปาราชิก ตามสิกขาบท พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ในหมวด ถลัฎฐวิภาค (ถะ-ลัด-ถะ-วิ-พาก )
ใจความว่า
ที่ชื่อว่า ทรัพย์ตั้งอยู่บนพื้น ได้แก่ทรัพย์ที่เขาวางไว้บนพื้น ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนพื้น เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ ลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก.
-------------------
ประเด็นที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก ก็คือ ทำให้ทรัพย์สินเคลื่อนจากฐาน โดยการทำลาย ให้ตกไปจากความครอบครองของเจ้าของ
-------------------
รวมกระทั่ง "บทภาชนีย์" ตามพระวินัยที่ว่า เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี เหล่านั้น มีผลผูกพันธ์ ครบถ้วนกระบวนความ ซึ่งหมายความโดยอรรถ ว่า คำว่า #เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี ย่อมหมายถึง แค่เริ่มชักชวนม็อบ หรือเพื่อนรวมอุดมการ์ณในการบุกยึดสถานที่ราชการ คำว่า #เดินไปก็ดี
ย่อมหมายถึง การย่างเท้าโดยมีเจตนาเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการ
ดังนี้นั้น เป็นพฤติกรรม ที่พุทธอิสระ เลี่ยงไม่พ้นข้อกล่าวหา อย่างแท้จริง
-------------------
นั่นคือ พุทธอิสระ ระดมมวลชน เที่ยวแสวงหาเพื่อน และ เดินเข้าไป ทำให้ทรัพย์สินส่วนราชการ เช่น กรวย อุปกรณ์สำนักงาน เป็นต้น ให้มีอันต้องเคลื่อนจากฐาน ดังที่ปรากฎเป็นภาพในสื่อ ทั้งภาพ และ วีดีโอ เหล่านั้น เป็นการกระทำที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก จริงๆ
-------------------
พระวินัยเหล่านี้ คือ พุทธดำรัส ได้ทรงตรัส ดักคอไว้หมดแล้ว
แม้จะมีคนพูดแก้ต่างว่า แค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้คิดขโมย หรือ
ไม่ได้คิดทำลาย ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า พระวินัยนี้ ทรงบัญญัติโดยความเป็นผู้รู้แจ้งโลก ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
พุทธอิสระ จะแถ ดิ้น ไปต่างๆ นานา อย่างไร ก็หนีความผิดไปไม่ได้
cr.thai monks
-------------------
พุทธอิสระ อ้างความผิดฐานละเมิดสถานที่ราชการ ไม่ถือเป็นปาราชิก
----อ้างอิงคำพูดพุทธอิสระ---
https://www.facebook.com/issaradhamtv/videos/1630584703927639/
-------------------
จากกรณีที่ “ทนายประสิทธิ์ สันจิตร”ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธพร้อมด้วย “กลุ่มพลังสตรีรักษ์พระพุทธศาสนา” ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกล่าวหา “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” ว่าต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 ให้พ้นจากความเป็นพระต่อเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะผู้ปกครอง
วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2559 เวลา 15.00 น.
ณ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
-------------------
ในการกล่าวโทษนั้น เป็นเฉพาะประเด็นความผิดทางพระวินัย !
เพราะความผิดในทางโลกพุทธอิสระยอมรับไปแล้ว และพุทธอิสระก็กำลังอยู่ระหว่างเสียค่าปรับเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย
ทว่า การออกสื่อ ให้สัมภาษณ์ ของพุทธอิสระในวันเวลาเดียวกันนั้น พุทธอิสระอ้างว่า ตนไม่มีความผิดทางพระวินัย
แต่ Thai monks เห็นท่าไม่ได้การ เพราะ พุทธอิสระ กำลังหลบเลี่ยงความผิดทางพระวินัย ที่ตนได้กระทำไปแล้วจริง
แต่กลับพูดจาบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับผิด หัวรั้น สมดังที่คณะสงฆ์อ้างเอาความหัวดื้อ ไม่รู้สำนึกผิด เป็นเหตุผล ในการร่วมกันประกาศอุกเขปนียกรรม ต่อพุทธอิสระไปในที่สุด ตามที่สื่อต่างๆ เคยนำเสนอไปแล้ว http://rukmeuangtai.blogspot.com/2016/04/blog-post_23.html
-------------------
การบุกยึดสถานที่ราชการ อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินส่วนราชการได้รับความเสียหาย ถ้าดูตามที่เจตนา และ ความพยามของพุทธอิสระ ในคลิป youtube พบว่า การบุกยึดสถานที่ราชการ เป็นการออกคำสั่งโดย พุทธอิสระ ซึ่งเป็นคนพูดเองว่า "เราต้องออกมาช่วยกัน" ปรากฎอยู่ในคลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=3aX5npS1b3c
-------------------
และการกระทำของพุทธอิสระ ที่บุกยึดสถานที่ราชการนั้น ก็กินเวลาหลายเดือน จึงส่อเจตนาอยู่แล้วว่า ต้องการ ยึดสถานที่ราชการจริง
จน ทรัพย์สินในพื้นที่ราชการนั้น ได้รับความเสียหาย ตีราคาเป็นเงินจำนวนมาก
-------------------
ซึ่ง ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว จึงมีคำพิพากษาของศาลแพ่งให้จำเลยที่ 1 คือ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” ให้ต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 2 (พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ) ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ (DSI) เป็นจำนวนเงิน 899,203 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันถัดฟ้อง คือ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 และให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายความแก่โจทก์อีกเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
-------------------
โดยคำสั่งศาล สั่งให้พุทธอิสระ ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นหลักฐานยืนยันที่ชัดแจ้งว่า ว่าทรัพย์สินราชการ ถูกตีราคาว่าเสียหายเกิน 5 มาสก อย่างชัดแจ้ง
-------------------
การบุกยึดสถานที่ราชการของพุทธอิสระในครั้งนั้น แม้โดยพฤติกรรมมิส่อว่าเป็นการลักขโมย โดยการนำไปเสียจากเจ้าของทรัพย์
แต่ทรัพย์สินส่วนราชการ ก็หลุดไปจากความครอบครองของเจ้าของ (คือถูกทำลาย) อาศัยมูลเหตุ ที่ทรัพย์สินถูกทำลายนั้น
การกระทำของพุทธอิสระ ก็ได้ชื่อว่า ทำให้ทรัพย์เคลื่อนจากฐาน
ดังนั้น พุทธอิสระก็ต้องอาบัติปาราชิก ตามสิกขาบท พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ในหมวด ถลัฎฐวิภาค (ถะ-ลัด-ถะ-วิ-พาก )
ใจความว่า
ที่ชื่อว่า ทรัพย์ตั้งอยู่บนพื้น ได้แก่ทรัพย์ที่เขาวางไว้บนพื้น ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนพื้น เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ ลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย ให้เคลื่อนจากฐาน ต้องอาบัติปาราชิก.
-------------------
ประเด็นที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก ก็คือ ทำให้ทรัพย์สินเคลื่อนจากฐาน โดยการทำลาย ให้ตกไปจากความครอบครองของเจ้าของ
-------------------
รวมกระทั่ง "บทภาชนีย์" ตามพระวินัยที่ว่า เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี เหล่านั้น มีผลผูกพันธ์ ครบถ้วนกระบวนความ ซึ่งหมายความโดยอรรถ ว่า คำว่า #เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี ย่อมหมายถึง แค่เริ่มชักชวนม็อบ หรือเพื่อนรวมอุดมการ์ณในการบุกยึดสถานที่ราชการ คำว่า #เดินไปก็ดี
ย่อมหมายถึง การย่างเท้าโดยมีเจตนาเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการ
ดังนี้นั้น เป็นพฤติกรรม ที่พุทธอิสระ เลี่ยงไม่พ้นข้อกล่าวหา อย่างแท้จริง
-------------------
นั่นคือ พุทธอิสระ ระดมมวลชน เที่ยวแสวงหาเพื่อน และ เดินเข้าไป ทำให้ทรัพย์สินส่วนราชการ เช่น กรวย อุปกรณ์สำนักงาน เป็นต้น ให้มีอันต้องเคลื่อนจากฐาน ดังที่ปรากฎเป็นภาพในสื่อ ทั้งภาพ และ วีดีโอ เหล่านั้น เป็นการกระทำที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก จริงๆ
-------------------
พระวินัยเหล่านี้ คือ พุทธดำรัส ได้ทรงตรัส ดักคอไว้หมดแล้ว
แม้จะมีคนพูดแก้ต่างว่า แค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้คิดขโมย หรือ
ไม่ได้คิดทำลาย ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า พระวินัยนี้ ทรงบัญญัติโดยความเป็นผู้รู้แจ้งโลก ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
พุทธอิสระ จะแถ ดิ้น ไปต่างๆ นานา อย่างไร ก็หนีความผิดไปไม่ได้
cr.thai monks
Thai Monks ย้ำชัด ! ปาราชิก แน่ๆ
Reviewed by Unknown
on
01:01
Rating:
พุทธบริษัทสี่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว ศาสนาจะอยู่รอดถ้าเราชาวพุทธสามัคคี รักในการทำทานรักษาศีลเจริญภาวนาและรักษาวัฒนธรรมชาวพุทธให้เข้มแข็งค่ะ
ตอบลบหลวงพี่สุวิทย์ครับ อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถิด แต่ช่วยเปลื้องจีวรออก อย่าให้พระศาสนามัวหมอง หรือถ้าจะบวชต่อก็ช่วยทำกิจของสงฆ์เถิดครับ
ตอบลบสุวิทย์ ทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด คงต้องปล่อยไปตามวิบากกรรมนั่นแหละ
ตอบลบคงจะหลอกชาวบ้านได้ไม่นานหรอกผิดให้เห็นกันขึดๆอย่างนี้ ทำเป็นยิ้มแต่คงอกตรมทุกคืนคงนอนผวา ว่ากรรมจะตามทันวันไหนนะท่านสุวิทย์เอ๋ย
ลบคงจะหลอกชาวบ้านได้ไม่นานหรอกผิดให้เห็นกันขึดๆอย่างนี้ ทำเป็นยิ้มแต่คงอกตรมทุกคืนคงนอนผวา ว่ากรรมจะตามทันวันไหนนะท่านสุวิทย์เอ๋ย
ลบสุวิทย์ ทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด คงต้องปล่อยไปตามวิบากกรรมนั่นแหละ
ตอบลบล.พ สุวิทย์ อย่างที่บอก อย่าทำให้พระศาสนาเสียหายเลย
ตอบลบบวชเพื่อมาป่วนศานาหรือจะทำลายศาสนากันแน่ ดูๆแล้วมีแต่เรื่องลบๆ ทั้งงั้นเลย
ล.พ สุวิทย์ อย่างที่บอก อย่าทำให้พระศาสนาเสียหายเลย
ตอบลบบวชเพื่อมาป่วนศานาหรือจะทำลายศาสนากันแน่ ดูๆแล้วมีแต่เรื่องลบๆ ทั้งงั้นเลย
ตบทรัพย์โรงแรม ก็ชัดเจนครับ..ทรัพย์เกิน5มาสก _ ปาราชิกตั้งแต่กรรโชกเขา,รับเงิน และยืนนับเงินนั่นล่ะ
ตอบลบจะสึกหรือไม่สึก ก็แค่ผ้าเหลืองห่มตอ เท่านั้นตามพระวินัย
พุทธบริษัทสี่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว มาร่วมด้วยช่วยกันให้ศาสนาพุทธเข้มแข็ง กันดีกว่านะคะ ยิ่งปัจจุบันนี้มีภัยพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น ชาวพุทธต้องเข้มแข็ง ต้องไม่ทะเลาะกัน ชวนกันมาสั่งสมบุญ สร้างบารมีให้เข้าใจในศาสนาพุทธมากขึ้น
ตอบลบล.พ สุวิทย์ อย่างที่บอก อย่าทำให้พระศาสนาเสียหายเลย
ตอบลบบวชเพื่อมาป่วนศานาหรือจะทำลายศาสนากันแน่ ดูๆแล้วมีแต่เรื่องลบๆ ทั้งงั้นเลย
กิจของสงฆ์รึก็ไม่ใช่
ตอบลบสมควรที่จะต้องปลดผ้าเหลืองออกตั้งแต่สองปีที่แล้วๆไม่รู้ทำไมถึงปล่อยมาจนถึงทุกวันนี้รีบๆลหย่อยพระพุทธศาสนาจะได้สูงขึ้น
ตอบลบโบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า "ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด"
ตอบลบเฮียวิดขาดความเป็นพระแล้ว เปลื้องจีวรสึกตนเองเถอะ อย่าแถเลย... ความผิดตนเองทำเฉไฉ แล้วยังมีหน้าไปกล่าวตู่ภิกษุอื่นปราชิกอีก
ตอบลบเฮียวิดขาดความเป็นพระแล้ว เปลื้องจีวรสึกตนเองเถอะ อย่าแถเลย... ความผิดตนเองทำเฉไฉ แล้วยังมีหน้าไปกล่าวตู่ภิกษุอื่นปราชิกอีก
ตอบลบอย่าโทษคนอื่นเลย ยอมรับความผิดที่ตนเองได้ทำไว้เถอะค่ะ ถ้าท่านยังไม่ยอมรับความผิดที่ตนเองทำ ก็อย่าไปให้ร้ายคนอื่นค่ะ
ตอบลบฤาว่าเมืองไทยจะคล้ายกับเกาหลีเหนือเข้าไปทุกที…พระผู้บริสุทธิ์รวมถึงคนดีๆ ถูกกล่าวหาว่าผิด...แต่คนพาลกลับถูกยกย่อง
ตอบลบไหลได้เสมอ
ตอบลบกรรมย่อมเป็นการแสดงเจตนา ทำผิดก็ควรยอมรับผิด
ตอบลบชาตินี้ไม่รับผิด ชาติต่อไปก็ต้องรับโทษค่ะ กฏแห่งกรรม
ไม่เว้นโทษน่ะคะ
อย่างนี้ก็ต้องฟ้องในข้อหาความผิดเรื่องการแต่งกายเลียนแบบสงฆ์อีกกระทงหนึ่งด้วย
ตอบลบลูกผู้ชายชาติพระทำผิดก็ต้องรับผิด"ซิ"ครับ
ตอบลบบอกให้เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน เป็นไงล่ะ
ตอบลบยุติบาปเถอะ_ยอมเถอะ_ไม่ต่อไม่ไหวแล้ว _ เด็กๆมันจะจำ ได้เป็นต้นบาปอีก
ตอบลบตนนั้นแล ย่อมรู้ดีกว่าใครๆ การไปว่าร้ายใครต่อใครปลูกปั่นยุยงแนะนำชี้นำนั้นทำให้เกิดความแตกแยกในสงฆ์ก็ใช่กรรมหนักมากด้วย มีในพระไตรปิฎกผมเคยฟังมาอีกทีว่ามีอยู่
ตอบลบผมว่าท่านควรพิจารณาตนเองได้ละว่าควรหรือไม่
เส้นใหญ่ (ทางโลก) มีใครกล้ายุ่งด้วย เหมือนอันธพาลทางโลกไม่มีผิด
ตอบลบเส้นใหญ่ (ทางโลก) มีใครกล้ายุ่งด้วย เหมือนอันธพาลทางโลกไม่มีผิด
ตอบลบตนนั้นแล ย่อมรู้ดีกว่าใครๆ การไปว่าร้ายใครต่อใครปลูกปั่นยุยงแนะนำชี้นำนั้นทำให้เกิดความแตกแยกในสงฆ์ก็ใช่กรรมหนักมากด้วย มีในพระไตรปิฎกผมเคยฟังมาอีกทีว่ามีอยู่
ตอบลบผมว่าท่านควรพิจารณาตนเองได้ละว่าควรหรือไม่
หยุดทำความเสื่อมความหมองได้รึยัง...หยุดการเป็นพระได้รึยัง...หยุดเป็นพระเทวฑัตเถิด...
ตอบลบหยุดทำความเสื่อมความหมองได้รึยัง...หยุดการเป็นพระได้รึยัง...หยุดเป็นพระเทวฑัตเถิด...
ตอบลบยุคนี้อันธพาลครองเมือง แถมแต่งกายคล้ายพระ แต่ไม่ใช่พระ เพราะเป็นอิสระ
ตอบลบยุคนี้อันธพาลครองเมือง แถมแต่งกายคล้ายพระ แต่ไม่ใช่พระ เพราะเป็นอิสระ
ตอบลบท่านจะแถอย่างไรใครก็รู้ ถูกหลัดกูขัดหลักกรรมท่านทำไว้ ปราราชิกข้อ 2 นั่นยังไง บัญญัติไวใช้จัดการพระนอกเกณฑ์
ตอบลบอันนินทากาเล ไปทั่วบ้านเมือง พระสุวิทย์ ยังมีความสุจริต กาย สุจริตวาจาสุจริตใจหลงเหลืออยู่หรือ มีคดีติดตัว อยู่ในคดีปาราชิก แน่ใจหรือว่าเป็นพระ ขอพิจารณาตัวเองที่ตรงไหนอะ
ตอบลบแปลก ทำไมใหญ่จนใครยังทำอะไรไม่ได้ มันแสลงถึงความใหญ่ ที่แปลกแต่จริง มันมีอะไรลึกลับไปกว่านี้น่ะ
ตอบลบแปลก ทำไมใหญ่จนใครยังทำอะไรไม่ได้ มันแสลงถึงความใหญ่ ที่แปลกแต่จริง มันมีอะไรลึกลับไปกว่านี้น่ะ
ตอบลบอนุโมทนาสาธุ ช่างเป็นบทความที่ให้สังคมทราบตามพระธรรมวินัย มาศึกษาอ่านกันเถอะ
ตอบลบอนุโมทนาสาธุ ช่างเป็นบทความที่ให้สังคมทราบตามพระธรรมวินัย มาศึกษาอ่านกันเถอะ
ตอบลบสุดยอดมากๆๆเลย
ตอบลบเมื่อไหร่ ท่านจะมองเห็นตัวเอง
ตอบลบท่านน่าจะทำให้ถูกพระวินัยสงฆ์นะค่ะ
ตอบลบในโลกนี้ มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ที่จะติดตัวเราไป
ตอบลบทำดี ก็ได้บุญติดตัวไป
ใครทำชั่ว ก็ต้องได้ชั่วติดตัวไป
กรรมหนัก ที่สุด คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก
อเวจีคือเป้าหมายของผู้นั้น
ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร
ถ้าการกระทำเหมือนกันก็ไปอยู่ในทึ่เดียวกัน
ในโลกนี้ มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ที่จะติดตัวเราไป
ตอบลบทำดี ก็ได้บุญติดตัวไป
ใครทำชั่ว ก็ต้องได้ชั่วติดตัวไป
กรรมหนัก ที่สุด คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก
อเวจีคือเป้าหมายของผู้นั้น
ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร
ถ้าการกระทำเหมือนกันก็ไปอยู่ในทึ่เดียวกัน
แจ่มชัดค่ะ ปาราชิก ไม่ทราบคนแต่งตัวคล้ายพระแถวๆๆวัดอ้อน้อย จะสะกดคำนี้เป็นไหม!
ตอบลบทหาร ตำรวจที่ห้อมอารักขาท่านสุวิทย์อยู่น่ะร่วมมือกะโจรมั้ยท่าน ดีเอสไอ...
ตอบลบทหาร ตำรวจที่ห้อมอารักขาท่านสุวิทย์อยู่น่ะร่วมมือกะโจรมั้ยท่าน ดีเอสไอ...
ตอบลบเอาว่าไม่ได้ฟังคำสอน แค่เห็นสีลาจารวัตรก็ไม่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาแล้ว บางที่กริยาสำรวมก็ยังศรัทธาให้เกิดตั้งแต่แรกเห็นนะครับ
ตอบลบพระรูปไหนจะขาดความเป็นพระ ก็ดูพฤติกรรมเอาค่ะ ไม่ใช่เชื่อข่าวลือมั่วๆ ตามกันมา...... สิ่งที่พระสุวิทย์ทำก็ชัดเจน...
ตอบลบคำพังเพย ว่า อย่าเอาฝามือปิดฟ้า
ตอบลบDsiค่ะตำตรวจ ทหาร ที่มาดูแบพระสุวิทย์ dsi ว่าไงค่ะ ไม่เอาผิดค่ะ
ตอบลบ