"ขับ พุทธอิสระ พ้นคณะสงฆ์"

"ขับ พุทธอิสระ พ้นคณะสงฆ์" เสียงคณะสงฆ์ เริ่มแรง ร่วมอเปหิ : สงฆ์ใต้สุดทน นำร่องรณรงค์วันนี้.
----
"..ข้าจะดับไฟด้วยมือเปล่าให้ดู"
คนใต้จริงใจ รักศักดิ์ศรี ถึงคราวสู้ก็สู้ไม่ถอย กัดไม่ปล่อย ทำอะไรทำจริงฯ
- นี่คือคำของบรรพบุรุษ และอุปนิสัยของคนใต้ที่ผมคลุกคลีกว่า 40 ปี.
----------------------------------------
- ดูเหมือนผมเคยพูดเตือนพุทธอิสระไปแล้วว่า...
"หากไม่เห็นความสำคัญเขา ไม่ให้เกียรติเขา
ก็อย่าไปตัดแปลงข้อความเขา ไปดูหมิ่นเหยียดหยามเขากับพระหนุ่มเณรน้อยภาคใต้
ที่เขาเสี่ยงอันตรายป้องศาสนาในพื้นที่เสี่ยงภัย นั้นก็ลำบากเกินทนแล้ว
ที่เขาอุตส่าห์สื่อมาถึง ก็เพื่อให้สติว่า
แทนที่จะมาขัดแย้งกันเอง
ก็ให้ช่วยกันป้องภัยศาสนาดีกว่า".
--------------------------------------
- และผมเตือนไปว่า "อย่าไปเปิดศึกกับสงฆ์ใต้"
- ทั้งโยงให้เห็นว่าพระสงฆ์ใต้ก็คือญาติพี่น้องของอดีต กปปส. สายใต้นะแหละ ให้คิดดีๆ อย่าไปผลักมิตรให้ไปเป็นศัตรู.
--------------------------------
- ในคราวนั้น พุทธอิสระ นอกจากไม่ฟังผมแล้ว ก็ยังลามด่าไปถึงหลวงพ่อระดับพระเถระ สงฆ์ใต้อีก 2 รูป คือ หลวงพ่อฉัตรชัย นครศรีธรรมราช และหลวงพ่อพระครูวิรัติ ฯ เจ้าคณะอำเภอเมือง สงขลา อีกด้วย.
--------------------------------------
- อาการของพุทธอิสระ ในครั้งนั้น ออกแนวหยามเหยียดกล่าวหาว่า "อาจเป็นแนวร่วมธรรมกาย" ไปโน้น.
---------------------------------------
- โดยหารู้ไม่ว่า "หลวงพ่อสองรูปนั้น". เป็นพระเถระที่เรียกว่า"ศูนย์รวมจิตใจคนใต้".
- โดยเฉพาะหลวงพ่อฉัตรชัย เมืองนคร ฯ นั้น ท่านเป็นพระกัมมัฏฐาน คนนับถือมาก.
- ก็ขนาดท่านพูดเรื่องซ่อมพระธาตุเมืองนคร ฯ ออกมาคำเดียวว่า"ไม่ชอบ ไม่ถูกต้อง" เท่านั้น.
- คนท้องถิ่นยังเห็นร่วมกับท่านเป็นหมื่นๆ นี่เฉพาะคนท้องถิ่นนะครับ.
---------------------------------------------
- มาวันนี้พระสงฆ์ใต้ก็คงเกินจะทนต่อไปแล้ว กับพฤติกรรมตะเกียกตะกาย ทำลายคณะสงฆ์ ทำลายศาสนาของกลุ่มพุทธอิสระ ที่ดูท่าว่า ..
"ไม่มีท่าจะสำนึก ไม่มีท่าจะยอมหยุด ประหนึ่งมั่นใจว่ากองหนุนยังแข็งดี" เหิมเกริมได้ทุกวัน.
--------------------------------------
- เพราะที่ผ่านมานั้น สังคมทั่วไปก็ย่อมประจักษ์ และจดจำอันพฤติกรรมจิตหยาบของพระนอกรีตรูปนี้กันเป็นอย่างดี.
- กับการออกมาเคลื่อนไหวการเมือง โดยอ้างศาสนาบังหน้า เริ่มจาก จากเวทีการเมือง กปปส. แล้วก็ลากยาวมาจนถึงวันนี้.
- ซึ่งก็ยิ่งนับวันจะบังอาจเหิมเกริมขึ้นทุกวัน.
- ในกลุ่มคนเหล่านี้ ในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ก็คงหมดความหมายที่จะพูดกับพวกนี้ไปนานแล้ว. 
---------------------------------------
- เพราะขนาดหลวงพ่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ พระมหาเถระผู้เฒ่า ผู้ปฏิบัติหน้าสมเด็จพระสังฆราช องค์ประมุขสงฆ์ ที่มีอายุพรรษากาลกว่า 92.
- ท่านก็ยังถูกพวกเหล่านี้รุม "จิกหัวด่า" กันได้ทุกวัน.
- ส่วนไม้ที่ไปรับมานั่น เมื่อรับมาแล้วก็ออกเดินสายคัดค้านตั้งสังฆราชต่อเนื่อง.
- เดียวไปขุด เดียวไปยก เดียวไปรื้อ เรื่องนั้นเรื่องนี้ ออกมาป่วนมั่วไปหมด.
- จนทุกวันนี้สังคมเกิดเอือมระอา จนพัฒนามาถึงสาปแช่ง ส่งเสียงดังทั้งประเทศไปแล้ว.
-----------------------------------------
- ล่าสุดเหมือนดาบนั้น ทำท่าจะคืนสะนองย้อนกลับมาตัดคอตัวเอง.
- คือมาวันนี้ หอกที่ไปรับมานั้น ดันเกิดติดไฟพลึบขึ้นง่าย ๆ แทบไม่น่าเชื่อว่า กรรมติดจรวดจะเร็วขนาดนี้.
-----------------------------------------------
- อาจเป็นเพราะ พุทธอิสระนั่น ออกอาการมึน ดันโง่แล้วขยัน วันนี้กลับหันท่อนหอกติดไฟนั้นพุ่งใส่ วัดบวรเสียงั้น.
- เพราะทำท่าจะเอาไฟไปเผาวัดบวรเสียเอง นั่นคือ กรณีที่ไปยื่น สตง. ให้ตรวจสอบงบอุดหนุนสังฆราช ในช่วงที่พระสังฆราช วัดบวร ท่านประชวรอยู่ที่ รพ..
-----------------------------------------------
- งานสติแตกของพุทธอิสระ ในครั้งนี้ เล่นเอา คนบ่งการ คนถือหอก คนหวังส้มหล่น ต่างผวาตาเหลือก ทำเอานอนไม่หลับกันเป็นแถว.
----------------------
- เพราะเรื่องนี้ หากไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูละก็.
- หากสอบกันจริง ๆ พระเกียรติขององค์อดีตสังฆราช และชื่อเสียงวัดบวรคงป่นปี้เพราะวีรกรรม ของ พุทธอิสระ ในคราวนี้เป็นแน่แท้.
- เรื่องนี้ผมก็อยากให้สังคม คอยช่วยกันจับตามองกันดี ๆ ว่า เรื่องจะเงียบหรือจะเดินต่อ.
-------------------------------------------------
- งานนี้ถ้าพูดภาษาบ้านๆก็คือ "ลูกไหลเข้าตีนกูเลยมึงเอ้ย".
(ขออภัยเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ต้องภาษาลูกทุ่งครับ)
-----------------------------------------------
- เพราะเรื่อง แค่เพียงผ่านไปแค่ไม่ถึง ชม. ก็มีเอกสารราชการลับ 3 แผ่น เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินงบหนุนสังฆราช ได้ถูกส่งตรงถึงเบอร์ลินเรียบร้อยแล้วครับ.
- ผมขอยังไม่แจงมากนะครับ.
- ไว้รอโอกาสเหมาะ ๆ เป็นได้ลากใส้กันสนุก หรือ ในอนาคตอาจมีการแจ้งความ ตร. กันไปเลยก็ได้.
-------------------------
- ตรงนี้ สุจริตชนฟังแบบนี้ ก็ร่มเย็นใจครับ ไม่มีอะไร.
- แต่ถ้า"ทุรชน ทั้งพระทั้งคน" หากมาได้ยินคำพูดตรงนี้อาจไข้ขึ้นได้ง่าย ๆ..
"ผมบอกแล้ว เล่นมาไง ผมก็เล่นกลับไปงั้น" ดูต่อไป.
- พวกท่านต้องหยุดก่อนผมจึงหยุดครับ ง่ายๆสั้น ๆ แค่นี้ครับ (รู้กัน).
-------------------------------------------------------------
- ในเบื้องต้นนั้น การลงโทษภิกษุ ผู้ดื้อด้าน หรือคนพาลนั้น เป็นวิถีพุทธด้วยนะครับ ดังคำว่า..
"ยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง - สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญ".
-------------------------------------------------
- ดังนั้น การพิจารณาลงโทษ ต่อ พุทธอิสระ และแก๊งค์ ก็ให้กำหนดตามโทษานุโทษ และวิธีการแต่บุคคลก็แล้วกันครับ แต่อย่าทำเรื่องผิดกฏหมาย.
- ซึ่งในวันนี้พระสงฆ์ใต้ ท่านก็เริ่มนำร่องไปแล้ว ตามพุทธบัญญัติ.
------------------------------------------------
- ว่าไปแล้วโทษของกลุ่มท้านรกพวกนี้ มันมี มากมาย
จนสุดคณานับบรรยายไม่หมด ผมก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดีครับ ว่า
ทำยังไงจึงจะสาสมดี.
- เพราะแค่พวกมันรุมกัน "จิกหัวด่า" พระมหาเถระผู้ใหญ่นี้ โทษของพวกมัน
แม้แต่ฟ้าก็ไม่ปราณีแล้ว.
--------------------------------------------------
วิธีลงโทษแบบต่างๆ
- ซึ่งถ้าใครเห็นว่า พุทธอิสระ ประพฤติหยาบช้าแบบไหน.
- ตามมุมมองของแต่ละท่าน ก็เลือกใช้เอาตามถนัดแล้วกัน.
- แต่อย่าให้ผิดกฏหมายบ้านเมือง อาจแชร์เผยแพร่โพสต์นี้ก็ได้ เป็นต้น.
- หรือใครจะกรวดน้ำอุทิศให้พวกนี้ก็ทำไปครับ.
- หรือการดึง การเตือนสติกับคนที่ใกล้ชิด ที่ยังหลงผิดอยู่ ไปร่วมขบวนการชั่วด่าทอพระสงฆ์อยู่ตามเฟส.
- ให้กลับมาเดินในทางที่ถูกที่ต้อง ก็เป็นอีกทางหนึ่ง.
-------------------------------------------------
การลงโทษในทางพระพุทธศาสนา ในส่วนของพระสงฆ์นั้น
- มีวิธีของพระพุทธเจ้าที่ทรงแนะนำไว้ลงโทษได้.
- การลงโทษนี้ ผมเพิ่ง พูดถึง ไปเมื่อวานนี้เอง.
- มาวันนี้ตรงกับพระสงฆ์ทางใต้ ซึ่งท่านก็คงหมดความอดทน ต่อพฤติกรรมของภิกษุผู้ว่ายากรายนี้ และพวกคนพาลพวกนี้ไปแล้ว.
- ท่านจึงออกโรงนำร่องแล้ววันนี้.
(รายละเอียดดังแนบมาด้วยแล้ว)
-----------------------------------------------
- เห็นท่างานนี้ พระสงฆ์ทางใต้ท่าน คงเหลืออดจริง ๆ ละครับ.
- เพราะปกติท่านเหล่านี้ จะมีความอดทนสูงเป็นพิเศษ เพราะท่านอยู่ปืนกับระเบิดทุกวัน ท่านก็ยังทนได้.
-------------------------------------------
หลักการลงโทษในทางพุทธศาสนา
อุกเขปนียกรรมภิกษุ
- วิธีลงอุกเขปนียกรรมภิกษุ เป็นข้อหนึ่งในวิธีการตัดสินลงโทษที่เรียกว่า "นิคหกรรม" ๕ ประการ.
- ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๓ เมื่อสงฆ์จำนงจะพึงลงอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป คือ ..
๑. เป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อการทะเลาะ ก่อการวิวาท ทำความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์.
๒. เป็นพาล ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก มีมารยาทไม่สมควร.
๓. อยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีอันไม่สมควร.
----------------------------------------
ความเป็นมา
- วิธีนี้สงฆ์ทำกับพระฉันนะฐานต้องอาบัติ เย่อหยิ่งมีทิฐิมานะแล้วไม่ยอมทำคืนองค์แรก.
---------------------------------------
ขั้นตอน
1. พึงโจทภิกษุนั้นก่อน เรียกให้เขามาให้การตามเป็นจริง.
- แล้วปรับอาบัติ
- แล้วให้ภิกษุผู้ฉลาดผู้สามารถประกาศให้ในท่ามกลางสงฆ์ด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา.
2. การลงอุกเขปนียกรรม คือ การห้ามการข้องเกี่ยว คบหา กินอยู่กับพระสงฆ์ (สัมโภคะ).
3. แล้วประกาศให้สงฆ์ในอาวาสนั้นทราบการลงนิคหกรรมแล้วห้ามคบหาด้วย.
4. นิคหกรรม (อ่านว่า นิก-คะ-หะ-กำ) แปลว่า การข่ม เป็นวิธีการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัยเพื่อให้เข็ดหลาบ นิคหกรรม.
- ในข้อนี้ใช้สำหรับลงโทษภิกษุผู้ทำเสียหาย เช่น ก่อการทะเลาะวิวาทบาดหมาง ทำความอื้ฉาว มีศีลวิบัติ ติเตียนพระรัตนตรัย เล่นคะนอง.
- ประพฤติอนาจาร ลบล้างพระบัญญัติ ประกอบมิจฉาชีพ เป็นต้น.
- นิคหกรรม เป็นกิจที่พึงทำอย่างหนึ่งของผู้ปกครองหมู่คณะ.
- เป็นคำคู่กับปัคหะคือการยกย่อง.
- ทั้งสองอย่างนี้เป็นเครื่องมือในการปกครอง.
- มีความสำคัญเท่าๆ กัน ทั้งนี้เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งสงฆ์.
- เมื่อมีผู้ประพฤติมิชอบ สมควรแก่นิคหกรรม.
- พระพุทธเจ้าก็ทรงประทานอนุญาตให้สงฆ์ทำนิคหกรรมแก่ผู้นั้นตามพระธรรมวินัย.
5. นิคหกรรม ในปัจจุบัน มีกฎของคณะสงฆ์เพื่อการนี้เรียกว่า กฎนิคหกรรม.
- แต่ใช้ในกรณีความผิดที่ร้ายแรง หรือ คุรุกาบัติ และต้องเป็นไปตามพระธรรมวินัยเท่านั้น.
- นิคหกรรม ที่ระบุไว้ในพระธรรมวินัยมี 6 วิธี คือ
1. ตัชนียกรรม ข่มไว้ด้วยการตำหนิโทษ.
2. นิยสกรรม ถอดยศ ทำให้หมดอำนาจหน้าที่.
3. ปัพพาชนียกรรม ขับไล่ออกจากหมู่คณะ ให้สึก.
4. ปฏิสารณียกรรม บังคับให้ขอขมาเมื่อล่วงเกินคฤหัสถ์.
5. อุกเขปนียกรรม ตัดสิทธิ์ที่จะพึงได้บางอย่าง.
6. ตัสสาปาปิยสิกากรรม ลงโทษหนักกว่าความผิดฐานให้การกลับไปกลับมา.
---------------------------------------------------
วิธีลงปัพพาชนียกรรม คือ การขับออกจากสงฆ์
- ปัพพาชนียกรรม (อ่านว่า ปับพาชะนียะกำ ใช้ว่า บัพพาชนียกรรม ก็ได้) คือการลงโทษพระภิกษุที่กระทำผิดโดยการขับออกจากคณะสงฆ์.
- ในทางศาสนาพุทธศาสนา ปัพพาชนียกรรมหมายถึงการขับภิกษุออกจากหมู่คณะ การไล่ภิกษุออกจากวัด.
- เป็นกรรมอันสงฆ์พึงทำแก่ภิกษุอันจะพึงไล่เสีย จัดเป็นนิคหกรรมคือการลงโทษภิกษุอย่างหนึ่งใน 6 อย่าง.
- วิธีทำกรรมนี้ต้องทำเป็นสังฆกรรม คือ ญัตติจตุตถกรรม.
- ทรงอนุญาตให้สงฆ์ทำแก่ภิกษุผู้ประพฤติเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง.
- คือ ก่อการทะเลาะวิวาทบาดหมาง มีอาบัติมาก มีมรรยาทไม่สมควร คลุกคลีกับคฤหัสถ์ เป็นผู้วิบัติทางศีลอาจาระและทิฐิ กล่าวติเตียนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เล่นคะนอง ประพฤติอนาจาร ลบล้างพระบัญญัติ ประกอบมิจฉาชีพ.
- เป็นวิธีการเหมือนกับอุกเขปนียกรรม.
--------------------------------------------
การลงโทษ ที่เหมาะสม กับ พุทธอิสระ
หลักการพิจารณาโทษ กับ พุทธอิสระ ที่ประพฤติหยาบช้าเป็นอาจิณ.
- ตามที่พุทธเจ้า ได้ทรงอนุญาตให้สงฆ์ลงโทษแก่ภิกษุผู้ประพฤติเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง.
- ข้อก่อการทะเลาะวิวาทบาดหมาง พุทธอิสระท้าตีท้าตีท้าต่อยไปทั่ว.
- นี่ความผิดตรงๆ กระทงหนึ่งไปแล้วครับ.
---------------------------------------
- ข้อ เป็นผู้มีอาบัติมาก นั่น.
- ผมได้เคยบอกไปแล้วว่า พุทธอิสระเป็นอาบัติอะไรบ้าง นับแต่ปาราชิก สังฆาทิเสส ถุลลัจจัย นิสสคียปาจิตตีย์ ปาจิตตีย์ ทุกกฏ ทุพพาษิต (ย้อนอ่านโพสต์ได้ครับ).
- นี่ก็ความผิดอีกกระทงหนึ่ง.
-----------------------------------------
- มีมรรยาทไม่สมควร อันนี้พุทธอิสระหยาบช้าแต่ไหนก็คิดเอาเอง.
- มีพฤติกรรมไปคลุกคลีกับคฤหัสถ์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง (นอนในม๊อบ).
- เข้าพวกคฤหัสถ์สร้างความเสียหายแก่สงฆ์อีกต่างหาก.
- เป็นผู้วิบัติทางศีลอาจาระและทิฐิ กล่าวติเตียนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เล่นคะนอง ประพฤติอนาจาร ลบล้างพระบัญญัติ ประกอบมิจฉาชีพ.
-------------------
- นี่คือโทษที่ "คนครึ่งพระครึ่งคน" ได้ประพฤติเป็นอาจิณ สมคบกับคฤหัสผู้พาล เท่าที่เห็นกัน และเท่าที่พอจะสรูปได้นะครับ.
- ส่วนไอ้ที่ไม่เห็นอีกละ ซึ่งก็คงมีมากมาย แทบจำไม่หมด.

ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน แนบ นสพ. เดลินิวส์ 25.03.2016
แถลงการณ์สงฆ์ใต้ เรื่อง อเปหิพุทธอิสระ.
http://www.dailynews.co.th/education/387872
"ขับ พุทธอิสระ พ้นคณะสงฆ์" "ขับ พุทธอิสระ พ้นคณะสงฆ์" Reviewed by Unknown on 03:34 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.